จูเซปเป้ รอสซี่ ยอดศูนย์หน้าดาวรุ่งตั้งเป้าจะพยายามเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีมชุดใหญ่ให้ได้ในฤดูกาลหน้าหลังจากลงเล่นเปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจในปีแรกที่ย้ายมาสู่สโมสร
หัวหอกวัย 18 ปียิงไปแล้ว 17 ประตู ให้กับทีมสำรองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และคว้า 4 ถ้วยรางวัลด้วยฟอร์มที่สุดยอด อีกทั้งยังได้รับรางวัลจิมมี่ เมอร์ฟี่ นักเตะดาวรุ่งแห่งปี อีกด้วย
รอสซี่ ได้ประเดิมสนามครั้งแรกในนัดที่พบกับ คริสตัล พาเลซ ในฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ เมื่อเดือนพฤษภาคม และได้ลงเล่นรับใช้สโมสรเป็นครั้งที่สองอีก 2 เดือนให้หลังในนัดที่พบกับอาร์เซน่อล ในการแข่งขันรายการเดียวกัน
ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมปิศาจแดงในช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว รอสซี่ ยังได้โอกาสมีชื่อเป็นตัวสำรองในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในนัดที่พบกับเอซี มิลาน อีกด้วย
แม้ว่าเขามีชื่อเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง ด้วยประสบการณ์ที่ได้รับจะเป็นการเริ่มต้นการเรียนรู้เพื่อให้เขาเป็นยอดศูนย์หน้าอาชีพได้
วิฟ แม็คกินเนสส์ อดีตนักเตะยุค บัสบี้ เบ๊บส์ เชื่อมั่นว่า รอสซี่ จะสามารถก้าวขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลหน้าได้แน่นอน “ผมได้เห็นเขาทำแฮทริกในเกมเพลย์ ออฟ ที่เอาชนะชาร์ลตัน ได้อย่างไม่มีที่ติ”
“เขามีเท้าซ้ายราวกับไม้กายสิทธิ์ และเขาก็สามารถใช้เท้าขวาได้มีประสิทธิ์ภาพได้ดีอีกเช่นเดียวกัน”
ด้วยสถิติการพังประตูอันน่าทึ่งส่งผลให้ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องหลังจากโชว์ฟอร์มได้ดีกับเกมที่พบกับ คริสตัล พาเลซ
เพียงแค่ 5 นาทีที่เหลืออยู่ มันเป็นเวลาที่ช่างน้อยนิดเหลือเกินสำหรับบรรดากองหน้าที่จะทำประตูได้ เขาฉวยโอกาสยิงลูกวอลเลย์บริเวณกรอบเขตโทษ ทั้งการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมของเขานั้นพลิ้วไหวล้วนเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์
“เขาพัฒนาได้ดีทีเดียว” วิฟ กล่าวเสริม
“แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้มากเกินไป คุณต้องเก็บเรื่องนั้นมาคิดว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งในทีมรักที่จะเล่นฟุตบอล และนั่นก็เป็นเพียงก้าวหนึ่งที่เขาจะยืนอยู่ในสายอาชีพของเขาและจะต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยไป”
“การก้าวขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ในพรีเมียร์ชิพ นั้นถือว่าเป็นอะไรที่ก้าวกระโดดอย่างมาก อย่างไรก็ตามแต่ เขาก็รักษามาตรฐานการเล่นในทีมสำรองได้ดี นั่นก็จะทำให้เขามีชื่ออยู่ในสมุดบันทึกของผู้จัดการทีมและบรรดาสต๊าฟโค้ช และเขาต้องรักษาโอกาสของเขาเองที่สามารถก้าวกระโดดนี้ไห้ได้”
“เราต่างหวังว่าเขาจะได้รับโอกาสบ้างในฤดูกาลหน้า ผมมั่นใจว่าเขาจะได้อย่างนั้นแน่เพราะว่าทุกคนต่างก็คิดว่าเขาได้มาถึงจุดสูงสุดของเขาในสโมสรแห่งนี้แล้ว”
“และยังมีผู้เล่นคนอื่นๆ กำลังจะก้าวตามขึ้นมาอีก ไม่ใช่เพียงแค่รอสซี่ เท่านั้นหรอก เดวิด โจนส์ ก็เป็นกัปตันทีมในทีมสำรองที่มีคุณภาพอยู่พอตัว ขณะที่ ลี มาร์ติน ก็ได้ลงเล่นบ่อยครั้งขึ้นในฤดูกาลนี้ รวมทั้ง ปิเก้ ที่เริ่มต้นได้ดีไม่แพ้กัน”
“ทีมสำรองของเราได้พบกับฤดูกาลแห่งความมหัศจรรย์ในปีนี้ มันเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งยวดหลังจากคว้าถ้วยรางวัลได้ทั้ง 4 ใบ”
“ความสำเร็จทั้งหมดต้องยกประโยชน์ให้กับ ซบราเกีย และ ไบรอัน แม็คแคลร์ ที่พวกเขานั้นทำได้ดีมากมายเหลือเกิน ยังมีมากกว่านั้นอีกเพราะว่าเขาไม่เคยเอ่ยปากถึงทีมชุดใหญ่เลย เขาจดจ้องสมาธิไปยังผู้เล่นเยาวชนอย่างเดียว” วิล์ฟ กล่าวทิ้งท้าย
KaMpU